คำตอบของสมการ คือ ค่าของตัวแปรที่แทนลงในสมการแล้วได้สมการที่เป็นจริง เช่น 3a + 1 = 4 คำาตอบของสมการ คือ a = 1 เพราะแทน a ด้วย 1 แล้วสมการเป็นจริง
การหาคำตอบของสมการ มีหลักการ 3 ข้อ คือ
1.ใช้สมบัติการถ่ายทอด (Transitive property) ถ้า a = b และ b = c แล้ว a = c
2.ใช้การบวกหรือลบทั้งสองข้างของสมการ (Property of addition) ถ้า a = b แล้ว a + c = b + c หรือ ถ้า a = b แล้ว a – c = b – c
3.ใช้การคูณหรือหารทั้งสองข้างของสมการ (Property of Multiplication) ถ้า a = b แล้ว a \times c=b \times cหรือ ถ้า a = b แล้ว a \div c=b \div c เมื่อ c \neq 0
2.ใช้การบวกหรือลบทั้งสองข้างของอสมการ (เหมือนสมการ) (Property of addition) ถ้า a>b จะได้ a+c>b+cหรือ
ถ้า a>b จะได้ a-c>b-c
3.ใช้การคูณหรือหารทั้งสองข้างของอสมการ (Property of Multiplication) ถ้า a>b จะได้ a \times c>b \times cเมื่อ c>0หรือ ถ้า a>b จะได้ a \div c>b \div c เมื่อ c>0
คู่อันดับและกราฟ
คู่อันดับ (Ordered Pairs) คือ สัญลักษณ์ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่ง 2 สิ่ง เช่น aกับ b มีความสัมพันธ์กัน เขียนแทนด้วย (a, b) อ่านว่า “คู่อันดับ a, b” คู่อันดับ (a, b) เท่ากับ (c, d) ก็ต่อเมื่อ a = c, b = d
1) เรียกเส้นจำนวนในแนวนอนว่า แกนนอน (Horizontal axis) หรือ แกน X (X-axis)
2) เรียกเส้นจำนวนในแนวตั้งว่า แกนตั้ง (Vertical axis) หรือ แกน Y (Y-axis)
3) เรียกจุดที่เส้นจำนวนทั้งสองตัดกันว่า จุดกำเนิด (Origin) หรือ จุด (0, 0) มักนิยมใช้สัญลักษณ์ O
กราฟเส้นตรง (Straight line graph) มีรูปสมการเป็น สมการเชิงเส้น เช่น ถ้า x และ y มีความสัมพันธ์กัน คือ y = x + 1 เมื่อลองเขียนคู่อันดับทั้งหมดลงบนระนาบแล้วลากเส้นต่อจุด จะได้เป็นกราฟเส้นตรง