Participle คืออะไร มีกี่ประเภท อ่านจบ เข้าใจทันที

หากพูดถึงเรื่อง Participle น้องๆ หลายคนอาจจะยังนึกไม่ออกว่าคือเรื่องอะไร แต่ถ้าบอกว่า Participle คือ V. ing หรือ Verb ช่อง 3 ก็จะเข้าใจได้ในทันที เพราะเป็น Verb ที่เราพบได้บ่อยมากในประโยคภาษาอังกฤษ และมักออกสอบอยู่บ่อยครั้งในข้อสอบพาร์ท Grammar

ดังนั้นแล้ววันนี้ Premier Prep จะมาอธิบายในเรื่องของความหมายของ Participle ว่าคืออะไร Participle มีกี่รูปอะไรบ้าง Participle ใช้ตอนไหน เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย

Participle คืออะไร

Participle คือ คำกริยาที่เป็นส่วนประกอบใน Continuous tenses (V.ing) และ Perfect tenses (V.3) อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อขยายความคำนามและคำสรรพนามได้อีกด้วย 

Participle มีกี่ประเภท

Participle สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. Past Participle (V. -ed หรือ V.3)
2. Present Participle (V. -ing)
3. Perfect participle (Having + V. 3)

1. Past participle

Past participle คือ Verb ช่อง 3 หรือ Verb ที่ลงท้ายด้วย -ed ปกติจะมีการใช้งานใน Perfect tenses โดยอยู่ตามหลัง Verb to have อีกทั้งยังถูกใช้ในประโยคที่เป็น Passive voice ได้ด้วย โดยจะวางหลัง Verb to be มีความหมายประธานเป็นผู้ถูกกระทำ

ตัวอย่างประโยค

• She hasn’t seen her husband for 3 months. (Perfect tense)
• The bird had already escaped its cages. (Perfect tense)
• This stage will be performed by Dua Lipa. (Passive voice)

ส่วน Past participle ที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์นั้น จะเกิดจากการลดรูปโครงสร้าง Relative clause ที่มี Realtive pronoun เป็นประธานของ Relative clause นั้น และกริยาเดิมก่อนลดรูปต้องอยู่ในรูป Passive voice (ถูกกระทำ) มาก่อน โดยทำหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ด้านหน้า หรือบางครั้งคำนามอาจวางไว้ด้านหลังหาก Participle ตัวนั้น ไม่มีคำขยายตามมา

ตัวอย่างประโยค

• The book written by a renowned author quickly became a bestseller. (หนังสือซึ่งถูกเขียน มาจาก clause: The book which was written …)
• The painted walls brightened up the room. (กำแพงซึ่งถูกทาสี มาจาก clause: The walls which were painted …)

2. Present participle

Present participle คือ Verb ที่ลงท้ายด้วย -ing ปกติจะมีการใช้งานใน Continuous tenses โดยจะวางหลัง Verb to be ซึ่งมีความหมายว่ากริยานั้นกำลังดำเนินอยู่นั่นเอง

ตัวอย่างประโยค

• I’m listening to music.
• It was raining this time yesterday.
• We will be going to the theater.

ส่วน Present participle ที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์นั้น จะเกิดจากการลดรูปโครงสร้าง Relative clause ที่มี Realtive pronoun เป็นประธานของ Relative clause นั้น และกริยาเดิมก่อนลดรูปต้องอยู่ในรูป Active voice (กระทำเอง) มาก่อน โดยทำหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ด้านหน้า หรือบางครั้งคำนามอาจวางไว้ด้านหลังหาก Participle ตัวนั้น ไม่มีคำขยายตามมา

ตัวอย่างประโยค

• The workers, tirelessly repairing the road, ensured smooth traffic flow. (คนงานซึ่งซ่อมถนน มาจาก clause: The workers who tirelessly repaired the road …)
• The jumping dog is in pursuit of its favorite toy. (สุนัขซึ่งกระโดด มาจาก clause: The dog that jumps …)

3. Perfect participle

Perfect participle คือ วลีที่เกิดจากการนำ having + verb ช่อง 3 ทำหน้าที่เป็นหน้าที่เป็นคุณศัพท์ของประธานในประโยคหลักที่ตามมา เพื่อขยายความว่าการกระทำหนึ่งในประโยคหลักเกิดตามอีกการกระทำที่เป็น Perfect participle ทันที โดยมีประธานคนเดียวกัน จำเป็นต้องมีเครื่องหมาย comma  (,)  คั่นด้วย

ตัวอย่างประโยค

• Having had a cat, I no longer felt lonely. (รู้สึกหายเหงาทันที พอมีแมว)
• Having finished the internship, we will fully graduate. (ถือว่าเรียนจบจริง ๆ พอเสร็จสิ้นการฝึกงาน)
• Having started diet, she stopped drinking any soft drinks. (หยุดดื่ม soft drinks ทันทีพอเริ่มคุมอาหาร)
•  

Participle ใช้ตอนไหน

อย่างที่ได้อธิบายไป Participle หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า V. -ing และ V. ช่อง 3 ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งส่วนหนึ่งของ Verb แท้ และเป็น Adjective

• เมื่อจะสร้าง Verb แท้ในกลุ่ม Tense บางกลุ่ม
  • Present participle (V. -ing) ใช้ร่วมกับ Verb to be เมื่อประโยคเป็น Continuous tenses
  • Past participle (V.3) ใช้ร่วมกับ Verb to have เมื่อประโยคเป็น Perfect tenses

• เมื่อจะสร้าง Verb ที่เป็น Passive voice โดยต้องอยู่ในโครงสร้าง Verb to be + Past participle (V.3)

• เมื่อต้องการขยายคำนามเพิ่มเติม มีหน้าที่เหมือน Adjective ซึ่งลดรูปมาจาก Relative clause 
  • Present Participial Phrase เป็นวลีที่ขึ้นต้นด้วย V. -ing ใช้ในการขยายคำนาม เพื่อบอกว่าคำนามที่ถูกขยาย เป็นผู้กระทำกริยา มีความหมายว่า ‘ที่ …’เช่น

• The smiling girl in this picture is me. (เด็กหญิงที่ยิ้ม)
• Everyone looks at the monkey swimming in the pond. (ลิงที่ว่ายน้ำ)
• Caroline saw her dog walking along the sidewalk. (สุนัขที่เดิน)

• Past Participial Phrase เป็นวลีที่ขึ้นต้นด้วย V. -ing ใช้ในการขยายคำนาม เพื่อบอกว่าคำนามที่ถูกขยาย เป็นผู้ถูกกระทำกริยา เมื่อแปลเป็นภาษาไทยจะมีความหมายว่า ‘ที่ถูก …’ เช่น

• The wrecked cars were parked at the scrapyard. (รถที่ถูกทำลาย)
• The previously rejected project was brought up again during the conference. (โครงการที่ถูกปฏิเสธ)
• The cars moved slowly on the road clogged with traffic. (ถนนที่ถูกขวางกั้น)

สรุป Participle

Participle เป็นเรื่องที่ไม่ยาก แต่จะมีรายละเอียดยิบย่อยที่อาจจะชวนให้สับสนมึนงง แต่หากได้ฝึกใช้บ่อยๆ จะสามารถใช้ได้ถูกต้องตามหลัก Grammar แน่นอน หากอยากแม่นเรื่อง Grammar แนะนำให้มาเรียนที่ Premier Prep เรามีพี่ๆ พร้อมปูพื้นฐานให้ตั้งแต่ต้น อยากเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษใหม่ตั้งแต่แรก พร้อมการเรียนเป็นภาพ จำเป็นระบบ อยากเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็มีพร้อม

มาปรึกษากับพี่ๆ Premier Prep ก่อนได้เลย พี่ๆ พร้อมช่วยวางแผนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เหมาะกับน้องๆ ให้ได้เลยค่ะ