น้องๆ คงเคยได้ยินคำว่า “Adverb” ใช่ไหม? แล้วน้องๆ รู้ไหมว่าเจ้า Adverb คืออะไร แล้วมีหน้าที่อะไรบ้าง? 🤔 เพราะ Adverb เนี่ยก็แอบเจอในข้อสอบแข่งขันและข้อสอบที่โรงเรียนบ่อยๆ เลยล่ะ! วันนี้เราจะพาน้องๆมาไขข้อสงสัย และรู้จัก Adverb ให้ดีกว่าที่เคย บอกว่าอ่านบทความนี้แล้วเข้าใจ Adverb มากขึ้นแน่!!
Adverb หรือ คำกริยาวิเศษณ์ เป็นคำที่ไว้ใช้ขยายกริยา (Verb) คำวิเศษ (Adjective) คำกริยาวิเศษ (Adverb) หรือตัวมันเองนั่นแหละ! และยังใช้ขยายประโยคได้อีกด้วย โดยเจ้า Adverb จะช่วยทำให้เรารู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไรนั่นเอง! 🤩✨
Adverb มีจุดเด่นหลักๆ คือการลงท้ายด้วย “-ly” ถ้าสังเกตง่ายๆ จะเกิดจากการนำ Adjective มาเติม -ly ลงไป เช่น quick (ที่เป็น Adjective)+ ly ก็จะกลายเป็น quickly ในรูป Adverb ไปเลย!
โดย Adverb มีทั้งหมด 8 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1.Adverb of time : กริยาวิเศษณ์บอกเวลา ⏰
เพื่อใช้บอกว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นตอนไหน เช่นคำว่า When = เมื่อ, Before = ก่อน, After = หลัง, Since = ตั้งแต่, Ago = ผ่านมาแล้ว, Today = วันนี้ เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
I have already eaten dinner.
ฉันทานข้าวเย็นแล้ว
Her birthday party will be held at 7 o’clock in the evening on Sunday.
งานปาร์ตี้วันเกิดของหล่อนจะจัดวันอาทิตย์เวลาหนึ่งทุ่ม
- Adverb of Duration : กริยาวิเศษณ์บอกระยะเวลา 🕝🕦
เพื่อแสดงช่วงเวลาว่าเหตุการณ์เกิดนานแค่ไหน หรือเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร เช่น
For = เป็นเวลา (ตามด้วย + ระยะเวลา เช่น for 2 months), Since = ตั้งแต่ (ตามด้วย + จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 1998), Till = ถึง, Until = ถึง เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
They have been married since 2020.
พวกเขาแต่งงานกันตั้งแต่ปี 2020
My studying hours are from nine to five.
เวลาเรียนของฉันคือ 9 โมงถึง 5 โมง
I will wait for you until 3 o’clock tomorrow.
ฉันจะรอคุณถึงบ่าย 3 พรุ่งนี้
- Adverb of Place : กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ 🏫
เพื่อใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นที่ไหน เช่น Where = ที่ซึ่ง, Nowhere = ไม่มีที่ไหน, Here = ที่นี่, In = ใน, On = บน, At = ใน, Under = ข้างใต้ เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
Your shirt is hung there.
เสื้อของคุณแขวนอยู่ตรงนั้น
There is a bag under the desk.
มีกระเป๋าอยู่ใต้โต๊ะ
Where does Tim live?
ทิมอาศัยอยู่ที่ไหน
- Adverb of Frequency : กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ 💥
เพื่อใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน เช่น Every day = ทุกวัน, Generally = เป็นประจำ, Always = ตลอด, Never = ไม่เคย, Frequently, Often = บ่อย ๆ เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
It’s always cold in this city.
เมืองนี้หนาวตลอดเลย
I see Lisa quite frequently.
ฉันเจอลิซ่าบ่อย ๆ
Love never solves anything.
ความรักไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้เลย
- Adverb of Manner : กริยาวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ 🥰
เพื่อใช้แสดงว่าผู้กระทำหรือประธานทำกริยานั้นด้วยความรู้สึกและมีอารมณ์แบบไหน เช่น
Angrily = อย่างโมโห, Badly = อย่างแย่มาก, Calmly = อย่างสงบ, Sincerely = อย่างจริงใจ เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
“I love you!” She said sincerely.
“ฉันรักคุณ” เธอพูดอย่างจริงใจ
The concert was very badly organized.
งานคอนเสิร์ตนี้จัดได้อย่างแย่มาก
What we do willingly is easy.
อะไรที่เราทำอย่างเต็มใจมันก็ง่ายทั้งนั้น
- Adverb of Degree : กริยาวิเศษณ์บอกระดับ 📈
เพื่อใช้บอกว่าปริมาณว่ามากน้อยแค่ไหน หรืออยู่ในระดับไหน เช่น Almost = เกือบจะ, Nearly = เกือบ, Quite = ค่อนข้าง,Extremely = อย่างที่สุด เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
President is almost 50.
นายกรัฐมนตรีเกือบจะ 50 ปีแล้ว
It was quite a difficult exam.
นี่เป็นข้อสอบที่ค่อนข้างยากนะ
My grandma hasn’t been too well recently.
แม่ของฉันสุขภาพไม่ค่อยดีมากช่วงนี้
- Adverb of Affirmation or Negation : กริยาวิเศษณ์บอกการรับและปฏิเสธ
เพื่อใช้ยืนยันว่าใช่หรือไม่ใช่ เช่น Absolutely = อย่างแน่นอน, Certainly = อย่างแน่นอน, Surely = อย่างแน่นอน, Entirely = อย่างสิ้นเชิง, No, Not, Never = ไม่ เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
I absolutely believe my boyfriend.
ฉันเชื่อแฟนของฉันแบบสุดหัวใจ
I admit it was entirely my fault.
ฉันยอมรับว่ามันเป็นความผิดฉันทั้งหมด
It’s never too late to love yourself.
มันไม่เคยสายถ้าจะรักตัวเอง
- Conjunctive Adverb : กริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค 🫱🏻🫲🏼
เพื่อใช้เป็นคำเชื่อม 2 ประโยค หรือ เชื่อมประโยคกับวลีหรือคำ เข้าด้วยกัน เช่น Hence, Therefore = ดังนั้น, In conclusion = สรุป, For example = เช่น, Furthermore = มากไปกว่านั้น เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค 🗣️
I was very busy yesterday; moreover, I couldn’t sleep well
เมื่อวานนี้ฉันยุ่งมาก มากไปกว่านั้นฉันนอนไม่พออีก
I’m trying to lose weight, therefore I’m going to the gym.
ฉันพยายามจะลดน้ำหนัก ดังนั้นฉันจึงไปยิม
I like water sports, for example, swimming, scuba diving, and jet skiing.
ฉันชอบกีฬาทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำ และเจ็ตสกี
เป็นไงกันบ้างได้รู้จัก Adverb กันมากขึ้นเยอะเลยใช่ไหม? หวังว่าน้องๆ จะนำความรู้นี้ไปใช้ในการเตรียมตัวสอบและเป็นความรู้ติดตัวตลอดไปเลยนะ! อ่านหนังสือแล้วยังไงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยล่ะ! 💪🏻💖
อย่าลืมกด LIKE 👍 Facebook Fanpage ของ ออนดีมานด์ OnDemand สถาบันกวดวิชาออนดีมานด์ เพื่อไม่ให้พลาด สาระดีๆ ข่าวสาร และสิทธิพิเศษ นะคร้าบบ