Complex Sentence หรือประโยคความซ้อน หากอธิบายอย่างคร่าวๆ ก็คือประโยคหลักที่มีประโยคย่อยมาซ้อนอยู่ด้วยกันในประโยคเดียว ฟังดูแล้วค่อนข้างจะซับซ้อนเหมือนกับชื่อของประโยคเลย แต่พี่ๆ Premier Prep เชื่อว่าเมื่อน้องๆ อ่านบทความนี้จบแล้ว น้องๆ จะเข้าใจ และจะสามารถเขียนประโยคที่เป็น Complex Sentence ได้อย่างแน่นอน
ชนิดของประโยคในภาษาอังกฤษ (Sentence Types)
ชนิดของประโยคในภาษาอังกฤษนั้น (Types of Sentence) หากแบ่งตามลักษณะของประโยค จะแบ่งได้เป็น 4 ชนิด ได้แก่
- ประโยคความเดียว Simple Sentence
- ประโยคความรวม Compound Sentence
- ประโยคความซ้อน Complex Sentence
- ประโยคความรวมและความซ้อน Complex-Compound Sentence
ซึ่งวันนี้เราจะมาโฟกัสกันที่เนื้อหาของ ประโยคความซ้อน Complex Sentence กัน
โครงสร้างประโยค Complex Sentence
ก่อนอื่น พี่ๆ Premier Prep ขอทบทวนความรู้ให้น้องๆ เกี่ยวกับเรื่องของ Clause (อนุประโยคหรือประโยคย่อย) ก่อน Clause คือกลุ่มคำที่ประกอบไปด้วยประธานและกริยา สามารถแบ่งออกได้เป็น Independent clause (ประโยคอิสระ) และ Dependent clause (ประโยคไม่อิสระ)
- Independent clause หรือที่เรียกว่า ประโยคอิสระ เป็นประโยคที่มีโครงสร้างที่สมบูรณ์ (ประธาน + กริยาแท้) ซึ่งอ่านแล้วได้ใจความที่สมบูรณ์ สามารถอยู่เดี่ยวๆได้
- Dependent clause หรือที่เรียกว่าประโยคไม่อิสระ เป็นประโยคที่มีโครงสร้างสมบูรณ์เช่นกัน แต่อ่านแล้วไม่สามารถจับใจความได้ หรือใจความไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องพึ่งพาประโยคหลักเพื่อทำให้ใจความสมบูรณ์
ซึ่งโครงสร้างของ Complex Sentence (ประโยคความซ้อน) นั้นคือ ประกอบด้วยประโยคที่มีประธานและกริยามากกว่า 1 ชุด แบ่งออกได้อย่างน้อย 2 clauses คือ Main clause (ประโยคใจความหลัก) ที่เป็น Independent clause และ Subordinate clause (ประโยคใจความรอง / ประโยคย่อย) ที่เป็น Dependent clause หรือที่เรียกว่าประโยคไม่อิสระ
กล่าวคือ Complex Sentence จำเป็นต้องมี Main clause 1 ประโยค และ Subordinate clause 1 ประโยคหรือมากกว่านั้น ประกอบเข้าด้วยกัน โดยมีคำเชื่อมคือ Subordinating Conjunctions (e.g. because, before, even if, even though, when, where, whereas, whether, while, etc.) หรือ Relative pronouns (that, who, which) มาเชื่อมประโยคเข้าด้วยกันนั่นเอง
ในส่วนของ Main clause ที่เป็น Independent clause จะมีโครงสร้างหลักคือ ประธาน + กริยา (+กรรม) มีใจความสมบูรณ์ในตัวประโยคเอง เมื่ออ่านแล้วสามารถทำความเข้าใจได้ทันที ตัวอย่างเช่น
- We should drink 8 glasses of water every day.
- Everything is going to be okay.
- She was hit by a car last Monday night.
ส่วนของ Subordinate clause ที่เป็น Dependent clause นั้น มีโครงสร้างประโยคที่อาจจะขาดประธาน กริยา กรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะประกอบด้วยประธาน กริยา กรรมเหมือนประโยคทั่วๆ ไป แต่ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องเชื่อมกับ Independent clause เพื่อให้ประโยคนั้นได้ใจความครบถ้วนสมบูรณ์ เช่น
- When students submit their homework, … (เมื่อนักเรียนส่งการบ้าน)
- … because he did not improve himself. (เพราะเขาไม่ปรับปรุงตัว)
จะเห็นได้เลยว่าตัวอย่างเหล่านี้มีความหมายที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อเราอ่านจะเกิดความรู้สึกว่าควรมีประโยคอีกสักประโยคเข้ามาเติมให้ความหมายสมบูรณ์ ทั้งนี้ Dependent clause สามารถเป็นได้ทั้ง Noun clause, Adjective clause และ Adverb clause
Noun Clause คือ
Noun clause คืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนคำนาม คือเป็นได้ทั้งประธาน หรือกรรมของประโยค Main clause มักจะนำหน้าด้วยคำเหล่านี้ ได้แก่ what, when, where, why, who, how, which, whom, whose, whoever, whatever, wherever, whichever, that, if, whether เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค Complex sentence ที่ประกอบด้วย Dependent clause + Noun clause
- He recently split up with his girlfriend, so that might explain why he’s joyless. (เป็นกรรมหลังกริยา explain)
- Let’s consider how we can solve the problem before someone else does. (เป็นกรรมหลังกริยา consider)
- What happened was my fault, so please forgive me. (เป็นประธาน)
Adjective Clause คือ
Adjective clause คืออนุประโยคที่ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือคำสรรพนามที่อยู่ด้านหน้า โดยมักจะนำหน้าด้วย who, whom, whose, that, where, when, why เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค Complex sentence ที่ประกอบด้วย Dependent clause + Adjective clause
- The woman who lives next door is a veterinarian, so we can ask her what happened to our dog. (ขยายคำนาม The woman)
- I don’t like movies that have unhappy endings,; thus, this one makes me cry. (ขยายคำนาม movies)
- Ginny has been married for 10 years, and she is currently a widow, a woman whose husband is dead. (ขยายคำนาม a woman)
- The people with whom I work have been very nice to me since the first day we met. (ขยายคำนาม The people)
- We can’t find these in our country because all of the goods which are made in this factory are exported. (ขยายคำนาม the goods)
Adverb Clause คือ
Adverb clause คืออนุประโยคที่ทำหน้าที่ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำกริยาวิเศษณ์ในประโยค Main clause โดยสามารถวางไว้ข้างหน้าหรือข้างหลัง Main clause ก็ได้ หากอยู่หน้า Main clause จะต้องมีเครื่องหมาย comma (,) คั่นกลาง ซึ่ง Adverb clause นั้นจะนำหน้าด้วยคำสันธานเหล่านี้ ได้แก่ when, whenever, wherever, while, before, after, as soon as, by the time, since, until, as, as if, because, although, however, so that เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค Complex sentence ที่ประกอบด้วย Dependent clause + Adverb clause
- We had to return home since my mother left her mobile phone there. (ขยายกริยา return home โดยบอกเหตุผล)
- After we had discussed, I felt that the results were satisfactory. (ขยายกริยา felt โดยบอกเวลา)
- The restaurant where we had dinner on your birthday is already closed because the owner was arrested. (ขยายคำนาม The restaurant)
จะเห็นได้ว่าการสร้างประโยค Complex sentence นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงทำความเข้าใจโครงสร้างของประโยค หมั่นฝึกแต่งประโยคจากถานการณ์ในชีวิตประจำวัน หรือจะมาลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ Premier Prep ก็ได้ เรามีทีมครูมืออาชีพ มากประสบการณ์ในการสอนหนังสือ คอยดูแล คอยให้คำแนะนำ ติดตามผลการเรียนกับน้องๆ ทุกคนอย่างใกล้ชิด มั่นใจได้ว่าทักษะภาษาอังกฤษน้องๆ จะแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน
สรุป Complex sentence
จบกันไปแล้วสำหรับ Complex sentence ประโยคความซ้อน ภาษาอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ยากและซับซ้อน แต่ถ้าได้พี่ๆ ที่สอนด้วยเทคนิคเจ๋งๆ เห็นภาพ สอนสนุกละก็ พี่ๆ เชื่อว่าน้องๆ จะไม่มีปัญหากับการเรียนภาษาอังกฤษอีกต่อไป
ภาษาอังกฤษ Premier Prep พี่ๆ มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่มีการสอนอย่างเป็นระบบ เรียนเป็นภาพด้วย G-MAP ช่วยให้น้องๆ เก่งภาษาอังกฤษได้แม้ไม่มีพื้นฐาน แล้วเจอกันนะคะน้องๆ